วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีเดียวที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาราคาอาหารจานเดียวแพงได้






ผมเคยเขียนเรื่อง ราคาอาหารจานเดียวที่เป็นธรรมควรอยู่ที่เท่าไหร่ ไว้ในบทความเก่าเมื่อปึ 2555 ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์

บทสรุปในบทความนั้นคือ ราคาอาหารจานเดียวเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบัน ควรมีอัตราส่วนต่างกันไม่เกิน 10 เท่า 

เช่น ถ้าค่าแรงขั้นต่ำในวันนี้คือ 300 บาท ราคาอาหารจานเดียว ต้องไม่เกิน 30 บาท และที่สำคัญปริมาณอาหารต้องขนาดพออิ่ม ไม่ใช่ราคาถูกแต่กินไม่อิ่ม เช่น ขายจานละ 30 บาทแต่กินจานเดียวไม่อิ่ม จนต้องกิน 2 ชาม รวมเป็นมื้อละ 60 บาท แบบนี้ก็ถือว่าแพง

แต่ถ้าจะให้ราคาอาหารจานเดียวถูกสำหรับคนไทย ผมว่า อัตราส่วนค่าแรงขั้นต่ำต่อราคาอาหารควรอยู่ที่ 12-15 เท่า หรือราคาจานละ20-25 บาทเท่านั้นและต้องมีปริมาณพออิ่มด้วย ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศที่เจริญแล้วเขาจะมีอัตราส่วนค่าแรงขั้นต่ำกับราคาอาหารทั่วไปประมาณนี้ 

เดี๋ยวคนขายอาหารจะเถียงว่า งั้นก็มาขายเองสิ ?

คือ ผมก็คงไม่เถียงหรอกครับ แต่ผมว่า ระบบราคาอาหารของไทยมันผิดพลาดมานานแล้ว

แต่ถ้าใครเคยดูข่าว จะเห็นว่า ยังมีผู้ขายอาหารจานละ 10 บาท ในปริมาณพอเหมาะอยู่หลายราย ซึ่งพวกเขาเหล่านี้บอกว่า ที่ขายราคานี้เพราะสงสารคนจน และไม่ได้หวังกำไรมาก แต่อาศัยขายได้เยอะ ๆ


ทุกครั้งที่มีข่าวคนขายอาหารราคาถูกมาก ก็จะมีแต่คนอวยพรให้เจ้าของร้านเจริญรุ่งเรือง ซึ่งคำอวยพรเหล่านี้จะทำให้เจ้าของร้านและครอบครัวมีความสุข ความสำเร็จและความเจริญในทุกด้าน ต่างกับคนขายอาหารแพงก็มักจะมีเรื่องให้เสียเงินโดยใช่เหตุเสมอ ๆ 

มเคยเขียนราคาอาหารในหลายประเทศในบทความว่า ทั้งมาเลเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์  อาหารจานเดียวของประเทศเหล่านี้ มีขนาดที่ว่าจานเดียวอิ่มทั้งสิ้น แถมเมื่อเทียบกับอัตราค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศแล้ว นับว่า ราคาอาหารบ้านเขาถูกกว่าอาหารจานเดียวของไทยทั้งสิ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

คลิกอ่าน ค่าเฉลี่ยคนไทยกินก๋วยเตี๋ยวแพงกว่าชาติอื่น
คลิกอ่าน เชื่อไหมคนไทยกินเค้กแพงกว่าคนญี่ปุ่น


หรือแม้แต่ไข่ไก่ใบใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา เขาขายแค่โหลละ 99 เซนต์ ตกฟองละ 2.50 บาทเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ค่าแรงขั้นต่ำที่สหรัฐอเมริกาสูงกว่าไทยเกือบ 10 เท่า ส่วนคนไทยค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่ต้องซื้อไข่ไก่ฟองละ 3 บาทขึ้นไป (คลิกอ่านบทความเก่า)


ทางเดียวที่ภาครัฐ จะช่วยลดราคาอาหารจานเดียวเพื่อประชาชนได้ ผมมองเห็นทางเดียวคือ ต้องให้หน่วยงานราชการทุกหน่วย เช่น สำนักเขต สถานีตำรวจ โรงพยาบาล ทุกหน่วยงานราชการ ควรมีร้านอาหารราคาถูกขายเองเสียก่อน แล้วถ้าขยายให้ร้านอาหารในหน่วยงานราชการขายให้ประชาชนได้ด้วยก็จะดี

จริง ๆ ก็คงไม่ต้องขายถูกขนาดจานละ 10 บาทหรอกครับ ขายในราคาปกติที่จานละ 20 25 30 บาทต่อจานก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่และทำเล ขอเพียงขายอาหารแล้วลูกค้ากินอิ่ม ปริมาณสมเหตุสมผล แค่นี้ก็นับว่าได้ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันแล้ว

เช่น ถ้าราคาอาหารจานเดียวในห้างสรรพสินค้า ราคาจานละ 35- 45 บาท ก็พอสมเหตุสมผล เพราะเขามีค่าสถานที่ที่ดีกว่า มีค่าแอร์ ที่มีค่าโสหุ้ยสูงกว่าร้านอาหารตามสั่งทั่วไป

หรือร้านอาหารที่เป็นตึกแถว ราคาสัก 30-40 บาทก็พอเข้าใจ

แต่ไอ้พวกร้านหาบเร่ ร้านรถเข็น หรือร้านที่หากินบนทางเท้า เสือกขายแพงเท่าราคาร้านอาหารตึกแถวหรือราคาตามห้าง แบบนี้ถือว่าแพงมากและเอาเปรียบลูกค้า ทั้งที่ร้านพวกนี้น้ำสะอาดสำหรับล้างจานชาม ก็ไม่ได้สะอาดหรือมีมากพอเหมือนร้านที่เป็นร้านตึกแถวหรือร้านที่เป็นร้านจริง ๆ

ส่วนภาครัฐเอง จะแค่ไปขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าอะไรแบบนั้น หรือขอร้องร้านอาหารให้ช่วยขายราคาถูกหรือตรึงราคาอย่างเดียว ไม่มีทางได้ผลหรอกครับ มันแค่ลูบหน้าปะจมูก ทำแบบนี้มาหลายหนแล้ว

ฝ่ายราชการเองนั่นแหละ ที่ต้องมีร้านอาหารของทางราชการเองที่ขายถูกก่อน จึงจะช่วยทำให้ราคาอาหารจานเดียวในประเทศไทยถูกลงได้

และร้านอาหารของทางราชการต้องไม่ขายให้เฉพาะข้าราชการเท่านั้น ต้องเปิดขายให้ประชาชนได้เข้ามาซื้อ หรือขายมันหน้าหน่วยราชการได้เลยยิ่งดี ประชาชนจะได้เข้าถึงได้ง่าย ๆ 

อย่าง กระทรวงพาณิชย์มีข้าวสารเหลือคาโกดังรัฐเยอะ ก็เอาข้าวสารมาหุงขายถุงละ 5 บาทสิครับ ขายแบบนี้ให้ทั่วประเทศ รับรองดึงราคาอาหารลงได้แน่นอน

เขาเรียกว่า ใช้มาตรการด้านราคาถูกกดดันราคาตลาดให้ถูกลงตาม แต่ถ้ามีขายไม่ทั่วถึง ก็กดดันราคาอาหารจานเดียวทั่วไปให้ถูกลงไม่ได้เหมือนเดิม

ก่อนจบบทความ ผมเคยเล่าถึงข้าวไข่เจียวกุ้งของเซเว่น ที่ผมเขียนไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า ได้ขึ้นราคาจาก 35 บาท เป็น 37 บาท

คลิกอ่าน รีวิวข้าวไข่เจียวกุ้งเซเว่น ขึ้นราคาแล้ว

นี่ล่าสุดผ่านไปไม่เท่าไหร่ ข้าวไข่เจียวกุ้งเซเว่น ได้ขึ้นราคาเป็น 40 บาทแล้ว สวนทางกับราคาพลังงานที่ลดลง สวนทางกับภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง

แน่นอน ผมเลิกกินข้าวไข่เจียวเซเว่นราคา 40 บาทแล้วครับ เพราะเอาเปรียบและหน้าเลือดกับลูกค้าเกินไป

ผมอยากบอกรัฐบาลว่า ถ้าเซเว่นอีเลฟเว่นคิดช่วยรัฐและประชาชน ช่วยชาติตรึงราคาอาหารสำเร็จในเซเว่นให้ถูกลงได้ ก็จะทำให้ราคาอาหารจานเดียวทั่วประเทศถูกลงได้เช่นกัน




ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไข่เจียวกุ้งเซเว่น ถ้าราคาจานละ 35 บาท ผมก็จะเลือกกินข้าวเซเว่นดีกว่าซื้อจากร้านอาหารตามสั่ง เหมือนที่ผมเคยเขียนเล่าไปแล้ว

หรือข้าวกระเพราะหมูเซเว่น  ถ้าในปริมาณที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ถ้าขายราคาสักกล่องละ 25 บาท ก็จะช่วยฉุดราคาข้าวกระะเพราหมูในร้านอาหารตามสั่งทั่วไปลงมาได้แน่นอน

เพียงแต่เซเว่นอีเลฟเว่นของเจ้าสัวซีพี เขายึดกำไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เขาก็เลยช่วยอะไรคนไทยกับรัฐบาลไทยไม่ได้

(ล่าสุด ผ่านไป 2 อาทิตย์ ข้าวไข่เจียวกุ้นเซเว่นกลับไปขายราคาเดิมที่ 37 บาท)

---------------------

วันก่อนเห็นสำนักข่าวไทยรายงานว่า ข้าวไข่เจียวไข่ 2 ฟอง ราคาที่รัฐแนะนำคือ จานละ 20 บาท 

ผมขอบอกว่า ข้าวไข่เจียว 2 ฟองราคา  20 บาทที่รัฐแนะนำหาซื้อไม่ได้เลยครับ เพราะแถวบ้านผม แค้ไข่เจียว 2 ฟองไม่มีข้าว เขาขายราคา 20 บาทแล้วครับ ถ้าเอาข้าวด้วยก็ 30 บาท

ดังนั้น ราคาอาหารจานเดียวมันแพงมาตลอด และไม่ยอมลดราคาลงแน่นอน ถ้าคิดจะให้ราคาอาหารจานเดียวราคาถูกลง รัฐต้องให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ มีร้านอาหารออกมาขายราคาถูกแข่งเท่านั้น ไม่มีทางอื่น !!

ากแต่ละหน่วยงานราชการยังไม่สามารถจัดให้มีร้านอาหารราคาถูกขายได้ ก็ต้องกระทรวงพาณิชย์ ควรไปจัดทำร้านอาหารธงฟ้า ขายในทุกหน่วยงานราชการเอง หรือจะไปเปิดขายในทุกโรงเรียนรัฐบาลด้วยก็ยิ่งดี

ถ้าหน่วยงานราชการยังไม่สามารถขายอาหารราคาถูกได้ งั้นก็เลิกพูด เพราะไม่มีประโยชน์ที่รัฐจะไปขอร้องเอกชน



ร้านอาหารในโรงพยาบาลารามาธิบดี ด้านที่นักศึกษาแพทย์มากินกันนั้น แต่ละร้านก็เป็นร้านของเอกชนมาเช่าขาย อาศัยที่ว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้เก็บค่าเช่าที่แพง ก็เลยขายอาหารราคาถูกสุด ๆ ได้

----------------------

อัพเดทข่าวล่าสุด

ข่าววันที่ 18 ก.ค. 58 สื่อหลายสำนักลงช่าวว่า ทหารในกองกำลังหลายแห่ง ขายอาหารราคาถูกหน้าค่ายราคาตั้งแต่ 10-20 บาทให้ประชาชนทั่วไป



แต่ก็แปลกนะ พอทหารจะขายอาหารราคาถูกให้ประชาชน ก็มีไอ้พวกเอาแต่ด่า ออกมาด่าตามเพจข่าวหลายแห่ง สงสัย พวกกลัวเสียผลประโยชน์ออกมาด่าแหง ๆ

ทำไมทหารจะขายอาหารราคาถูกให้ประชาชนหนักพ่อมึงเหรอไง ???

คลิกอ่าน ทำไมขายอาหารขายดีแต่กลับไม่รวยสักที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น




counter statistics